วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

เหตุการณ์ 6 ตุลาคม

      ข้าพเจ้าได้ศึกษาเรื่อง เหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ซึ่งเป็นเหตุเป็นเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่รัฐและกลุ่มที่รัฐให้การสนับสนุน ได้เข้าไปล้อมจับกุมและสังหารนักศึกษาและประชาชนภายใน บริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ซึ่งกำลังชุมนุมประท้วงเพื่อขับไล่ให้จอมพลถนอม กิตติขจรออกนอกประเทศ โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในได้ใช้กำลังอย่างรุนแรง ทำให้มีผู้ที่บาดเจ็บ เสียชีวิต และสูญหายเป็นจำนวนมาก ซึ่งคณะของข้าพเจ้าหวังว่า เนื้อหาในรายงานที่ได้เรียบเรียงมาอย่างละเอียดนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้สนใจเป็นอย่างดี

หากมีสิ่งที่จะต้องปรับปรุงกรุณา comment ไว้ เพื่อเป็นข้อมูลที่ถูกต้องแก่ผู้ศึกษาต่อไป











เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519

     เหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 เป็นเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่รัฐและกลุ่มที่รัฐให้การสนับสนุน ได้เข้าไปล้อมจับกุมและสังหารนักศึกษาและประชาชนภายใน บริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ซึ่งกำลังชุมนุมประท้วงเพื่อขับไล่ให้จอมพลถนอม กิตติขจรออกนอกประเทศ ในเหตุการณ์นี้ ตำรวจตระเวนชายแดนนำโดยค่ายนเรศวรจากหัวหิน, กลุ่มลูกเสือชาวบ้าน ตำรวจ และกลุ่มคนที่ตั้งโดยงบ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) คือ กลุ่มนวพล และ กลุ่มกระทิงแดง ได้ใช้กำลังอย่างรุนแรง ทำให้มีผู้ที่บาดเจ็บ เสียชีวิต และสูญหายเป็นจำนวนมาก
สาเหตุของความขัดแย่ง
     ในสมัยรัฐบาล ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช ในปี พ.ศ. 2519 มีความพยายามกลับประเทศไทย ของ จอมพลประภาส จารุเสถียร ในวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2519 และการกลับประเทศไทยของจอมพลถนอม กิตติขจร เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2519 หลังจากที่ทั้งสองได้เดินทางออกนอกประเทศหลังเหตุการณ์ 14 ตุลา
     หลังจากการกลับมาของจอมพลประภาส ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (ศนท.) ได้ชุมนุมประท้วงเพื่อเรียกร้องให้จอมพลประภาส เดินทางกลับออกนอกประเทศ จนกระทั่งในที่สุด จอมพลประภาสจึงยินยอมเดินทางออกนอกประเทศในวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2519
     ต่อมา จอมพลถนอมได้เดินทางกลับเข้ามาในประเทศอีกในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2519 โดยก่อนหน้านั้นได้แวะที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อบวชเป็นสามเณรที่วัดไทยในสิงคโปร์ และได้รับอนุญาตให้เข้าอุปสมบทที่วัดบวรนิเวศวิหาร สมเด็จพระญาณสังวร ได้ทรงเป็นพระอุปัชฌาย์บวชให้และตั้งฉายาว่า "สุกิตติขจโร" พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ มล.ทวีสันต์ ลดาวัลย์ ราชเลขาธิการในขณะนั้น อัญเชิญผ้าไตรพระราชทานมาด้วย ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยจึงได้ชุมนุมเพื่อขับไล่อีก
     ในขณะนั้นได้เกิดความแตกแยก ทั้งในพรรคการเมืองและกลุ่มประชาชน ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่สนับสนุนบทบาทของนิสิตนักศึกษา และ กลุ่มที่ต่อต้านนิสิตนักศึกษา ทำให้สถานการณ์มีความรุนแรงมากขึ้น จนกระทั่ง ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ประกาศลาออกจากตำแหน่ง แต่พรรคร่วมรัฐบาลซึ่งมีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ ก็ตัดสินใจเลือก ม.ร.ว. เสนีย์ เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัยหนึ่ง
     ในวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2519 นายวิชัย เกษศรีพงษา และนายชุมพร ทุมไมย พนักงานการไฟฟ้านครปฐม และสมาชิกแนวร่วมต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ถูกซ้อมตายระหว่างออกติดโปสเตอร์ประท้วงต่อต้านพระถนอม และถูกนำศพไปแขวนคอที่ประตูทางเข้าที่จัดสรร บริเวณหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ ต.พระประโทน อ.เมือง จ.นครปฐม แต่ ตำรวจสรุปสำนวนคดีว่าเกิดจากการผิดใจกับคนในที่ทำงาน
     ความเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้ขับไล่พระถนอม ทวีความรุนแรงมากขึ้น มหาวิทยาลัยทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดมีการชุมนุมเพื่ออภิปรายโจมตีรัฐบาล ต่อต้านการกลับมาของจอมพลถนอม และให้จัดการจับฆาตกรสังหารโหดฆ่าแขวนคอที่นครปฐม สภาแรงงานแห่งประเทศไทยได้ยื่นคำขาดต่อรัฐบาล ให้จอมพลถนอมออกนอกประเทศภายใน 5 วัน มิฉะนั้นจะหยุดงานทั้งประเทศตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2519 เป็นต้นไป ทั้งนักศึกษา สภาแรงงาน และผู้ต่อต้าน ได้รวมตัวกันประท้วงที่สนามหลวง จากนั้นจึงย้ายเข้าไปชุมนุมในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
     ทางด้านกลุ่มที่ต่อต้านการกระทำของนิสิตนักศึกษา อันประกอบด้วย กลุ่มนวพล (พลโท สำราญ แพทยกุล เป็นแกนนำ รหัส นวพล001 เป็นหนึ่งในองคมนตรี) กลุ่มพิทักษ์ชาติไทย กลุ่มกระทิงแดง และอื่น ๆ ได้ร่วมกันแถลงการณ์กล่าวหาศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย สภาแรงงาน และนักการเมืองบางคนว่า ได้ถือเอากรณีพระถนอม เป็นเงื่อนไขสร้างความไม่สงบในประเทศ ต่อมากลุ่มเหล่านี้จึงเดินทางเข้ามาชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้า สนามเสือป่า ราชตฤณมัยสมาคม และสนามหลวง เพื่อต่อต้านการชุมนุมของนิสิตนักศึกษา กลุ่มเหล่านี้ได้เรียกร้องให้รัฐบาลจับกุม และปลดรัฐมนตรีบางคนที่เชื่อว่าให้การสนับสนุนนิสิตนักศึกษา แต่รัฐบาลก็ยังไม่ได้สั่งการประการใดการแสดงละครเกี่ยวกับกรณีฆ่าแขวนคอพนักงานการไฟฟ้านครปฐมเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2519
     ในวันที่ 4 ตุลาคม มีการชุมนุมที่ลานโพธิ์ มีการอภิปราย และการแสดงละครเกี่ยวกับกรณีฆ่าแขวนคอพนักงานการไฟฟ้านครปฐม จัดโดยชุมนุมนาฏศิลป์และการละคร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลังจากนั้นสถานีวิทยุยานเกราะนำโดย พ.ท.อุทาร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา, นายสมัคร สุนทรเวช, ทมยันตี, ฯลฯ ออกข่าวว่านักศึกษาที่แสดงละคร มีใบหน้าคล้ายเจ้าฟ้าชายถูกแขวนคอ ต่อมาหนังสือพิมพ์ดาวสยาม และบางกอกโพสต์ ฉบับเช้าวันที่ 5 ตุลาคม เผยแพร่ภาพการแสดงล้อการแขวนคอของนักศึกษาที่ลานโพธิ์ โดยพาดหัวข่าวเป็นเชิงว่า การแสดงดังกล่าวเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
     คืนวันที่ 5 ตุลาคม สถานีวิทยุยานเกราะและชมรมวิทยุเสรี ออกอากาศกรณีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เรียกร้องให้ประชาชน และลูกเสือชาวบ้าน ไปชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้า และเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการจับกุมผู้กระทำการหมิ่นองค์สยามมกุฎราชกุมารมาลงโทษ ตลอดทั้งคืน ขณะที่ทางรัฐบาล โดย ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีได้แถลงเรื่องนี้ด้วยตนเองทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 4 ในคืนนั้นเช่นกันว่าจะจับกุมตัวผู้ดำเนินการมาลงโทษให้จงได้ โดยตอนแรกทำการติดต่อไปในหลายสถานีแล้ว แต่ทว่ากลับออกอากาศได้เพียงช่องเดียวเท่านั้น



กลุ่มเจ้าหน้าที่ราชการ
·    ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) จากค่ายนเรศวร หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์
·   ตำรวจนครบาล ภายใต้การนำของ พล ต.อ. ชุมพล โลหะชาละ รองอธิบดีกรมตำรวจในขณะนั้น
กลุ่มพลังฝ่ายขวา
     กลุ่มสำคัญต่าง ๆ ที่มีส่วนในการปราบปรามและสังหารนักศึกษาและประชาชนในเหตุการณ์ 6 ตุลา ได้แก่

Ø กลุ่มนวพล

         ขบวนการนวพล เป็นขบวนการฝ่ายขวาต่อต้านการปกครองแบบระบบคอมมิวนิสต์ ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2517 โดย ดร. วัฒนา เขียววิมล ที่เคยเป็นหัวหน้านักเรียนไทยในสหรัฐอเมริกา และกลุ่มทหารในกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) เช่น พล.อ. วัลลภ โรจนวิสุทธิ์ อดีตเจ้ากรมข่าวทหาร และ พล.อ. สายหยุด เกิดผล เสนาธิการ กอ.รมน. ได้รับการสนับสนุนอย่างลับ ๆ จากฝ่ายทหาร เน้นการสร้างความไม่พอใจระบบคอมมิวนิสต์ในประชาชนทั่วไป พล.อ.วัลลภ อธิบายเหตุผลในการก่อตั้งว่า ชาติจะอยู่รอดได้ด้วยสถาบันวัดกับวัง จึงต้องระดมประชาชนเพื่อป้องกันสองสถาบันหลักนี้ ซึ่งสอดคล้องกับความหมายหนึ่งของชื่อขบวนการนวพล คือที่หมายความว่าพลังเก้า” (หมายถึงพลังของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 - รัชกาลในสมัยที่ก่อตั้ง) ส่วนอีกความหมายหนึ่งคือ กำลังใหม่” (ตามรูปแบบการก่อตั้ง) ขบวนการนวพลปลุกระดมกล่าวหาว่าฝ่ายซ้ายเป็นพวกที่ลบหลู่ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จนนำไปสู่การสังหารหมู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 หลังจากนั้น บทบาทของกลุ่มนี้ลดลงและถูกมองว่าเป็นตัวแทนของฝ่ายทหารเท่านั้น

บุคคลสำคัญของขบวนการนวพล[6]:

Ø ลูกเสือชาวบ้าน

ลูกเสือชาวบ้านเป็นกองกำลังหนึ่งที่มีส่วนร่วมในการปราบปรามขบวนการนัก ศึกษาในเหตุการณ์ 6 ตุลา โดยส่วนใหญ่พันผ้าพันคอพระราชทานในวันนั้นด้วย  ผู้ที่มีบทบาทในการก่อตั้งกลุ่มลูกเสือชาวบ้านคือ พล.ต.ต. สมควร หริกุล ผู้กำกับตำรวจชายแดนเขต 4 ร่วมมือกับข้าราชการท้องถิ่นอีกหลายคน โดยได้จัดการอบรมลูกเสือชาวบ้านรุ่นแรก เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2514 ที่อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย และต่อมา พล.ต.ต. เจริญฤทธิ์ จำรัสโรมรัน รองผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ก็ได้เข้าร่วมผลักดัน
กิจการลูกเสือชาวบ้านขยายตัวอย่างมากหลังเหตุการณ์ 14 ตุลา พ.ศ. 2516 มีนายทหารและนักการเมืองสำคัญเข้าร่วมหลายคน เช่น พล.ต. ชาติชาย ชุณหะวัณ ซึ่งเป็นผู้ตรวจการลูกเสือชาวบ้าน นายธรรมนูญ เทียนเงิน ซึ่งเป็นผู้อำนวยการลูกเสือชาวบ้านพระนคร
Ø ชมรมวิทยุเสรี
ชมรมวิทยุเสรี เป็นกลุ่มสถานีวิทยุของทหารที่ทำงานประสานกันตั้งแต่ พ.ศ. 2519 โดยมีสถานีวิทยุยานเกราะเป็นแกนกลาง มีบทบาทสำคัญในการชี้นำฝ่ายกระทิงแดง และกลุ่มฝ่ายขวาอื่นๆ ในการเคลื่อนไหวต่อต้านนักศึกษาในวันที่ 5-6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ซึ่งนำไปสู่เหตุการณ์ 6 ตุลา
Ø ชมรมแม่บ้าน
ชมรมแม่บ้านเป็นการรวมกลุ่มของภรรยาข้าราชการ ภรรยานายพล และแม่บ้าน ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2519 เพื่อโจมตีขบวนนักศึกษาที่เคลื่อนไหวต่อต้านฐานทัพอเมริกาโดยตรง โดยมี ทมยันตี หรือนางวิมล ศิริไพบูลย์ (เจียมเจริญ) เป็นแกนสำคัญ โดยโจมตีขบวนการนักศึกษาว่าเป็นผู้บ่อนทำลายมิตรประเทศ แล้วทำไมต้องทำกันอย่างนี้ด้วยไม่เข้าใจ
การสังหารในวันที่ 6 ตุลาคม
     เวลาเช้ามืดราว 2.00 น. กลุ่มกระทิงแดงทุกจุด รอบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เตรียมปฏิบัติการโดยประสานงานกับตำรวจนอกเครื่องแบบ และมีกลุ่มกระทิงแดงเข้าแทรกตัวปะปนกับหมู่นิสิตนักศึกษา กลุ่มนวพลได้เรียกร้องให้รัฐบาลจับกุมนิสิตนักศึกษา
     เวลาราว 5.00 น. เริ่มมีการยิงจากภายนอกเข้าสู่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยถูกล้อมไว้ เวลา 7 นาฬิกา กลุ่มทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน ลูกเสือชาวบ้าน กระทิงแดง และกลุ่มอันธพาล ได้ใช้รถบัสพุ่งชนประตูมหาวิทยาลัย ทั้งหมดเข้าสู่มหาวิทยาลัยและใช้อาวุธหนักระดมยิง ตำรวจหน่วยคอมมานโด หน่วยปฏิบัติการพิเศษและตำรวจนครบาลจาก ท้องที่ต่างๆเข้าถึงที่เกิดเหตุ เวลา 8 นาฬิกา ตำรวจตระเวนชายแดนพร้อมอาวุธครบมือเข้าไปในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมยิงกระสุนเข้าใส่นักศึกษา
     เวลา 8.30 น. - 10.00 น. นักศึกษาและประชาชนในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิ่งหนีวิถีกระสุนจากตำรวจตระเวนชายแดนและกลุ่มผู้ก่อเหตุ นักศึกษาบางคนวิ่งหนีออกทางประตูหน้ามหาวิทยาลัย นักศึกษาบางส่วนหนีอออกทางแม่น้ำเจ้าพระยา หลายคนถูกรุมตี รุมกระทืบ บางคนที่ถูกทำร้ายบาดเจ็บถูกนำไปแขวนคอ และถูกผู้คนแสดงท่าทางเยาะเย้ยศพ กลุ่มคนบางกลุ่มลากเอาศพนักศึกษามาเผากลางถนนราชดำเนิน ตรข้ามพระแม่ธรณีบีบมวยผม โดยใช้ยางรถยนต์ทับและราดด้วยน้ำมันเบนซิน บางส่วนใช้ของแข็งทำอนาจารศพนักศึกษาหญิง
     เวลาราว 11.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าเคลียร์พื้นที่ และให้นักศึกษานอนคว่ำหน้ากับพื้นสนามฟุตบอล จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาขึ้นรถออกจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อควบคุมตัวไว้ที่โรงเรียนตำรวจนครบาล บางเขน กลุ่มคนที่มุงดูใช้ก้อนหิน อิฐ ไม้ ขว้างปาผู้ที่อยู่บนรถ
     เวลาราว 16.00 น. กลุ่มลูกเสือชาวบ้าน นำโดย พล.ต.ท. เจริญฤทธิ์ จำรัสโรมรัน และกลุ่มแม่บ้าน นำโดย ทมยันตี ได้บุกเข้าทำเนียบรัฐบาล โดยใช้รถบรรทุกที่ทำเป็นเวทีปราศรัยบุกพังประตูเข้าไป บางคนได้ถือเชือกเข้าไปโดยจะเข้าไปแขวนคอ 3 รัฐมนตรีของรัฐบาล ได้แก่ นายชวน หลีกภัย, นายดำรง ลัทธพิพัฒน์, นายสุรินทร์ มาศดิตถ์ เนื่องจากกล่าวหาว่าบุคคลทั้ง 3 เป็นคอมมิวนิสต์ แต่ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช นายกรัฐมนตรี ได้ลงไปพบและยืนยันว่าบุคคลทั้ง 3 ไม่ได้มีพฤติกรรมดังกล่าว มีผู้ตะโกนถามว่า ท่านจะจัดการอย่างไร ม.ร.ว. เสนีย์ตอบว่า ท่านจะบอกให้รัฐมนตรีทั้ง 3 ลาออกเองเพื่อความสงบของบ้านเมือง มีผู้ถามต่อไปว่า ถ้าบุคคลทั้ง 3 ไม่ลาออกจะทำอย่างไร ม.ร.ว. เสนีย์ตอบว่า ท่านจะลาออกเอง แต่ภายหลังข้อความนี้ได้ถูกวิทยุยานเกราะนำไปตัดต่อกลายเป็นข้อความว่า ท่านไม่เคยรู้มาก่อนว่าบุคคลทั้ง 3 นี้เป็นคอมมิวนิสต์ และท่านจะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
     ครั้นถึงเวลา 18.00 น. คณะทหารที่เรียกตัวเองว่า คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ภายใต้การนำของพลเรือเอก สงัด ชลออยู่ ได้ทำการยึดอำนาจการปกครอง มีผลให้ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช ต้องพ้นจากตำแหน่ง และนายธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่
    หลังจากเหตุการณ์นี้ มีการพิจารณาคดีในศาลยืดยาวถึง 3 ปี โดยแกนนำนักศึกษา 19 คนถูกคุมขังตีตรวนโดยตลอด แต่ฝ่ายผู้เข้าล้อมปราบไม่มีผู้ใดได้รับการลงโทษ มีผู้เข้าฟังการพิจารณาคดีจำนวนมาก รวมถึงกลุ่มสิทธิมนุษยชนจากประเทศต่างๆ จนเมื่อ 3 ปีผ่านไป ได้มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ทำให้ผู้มีส่วนรับผิดชอบในเหตุการณ์นี้ ไม่ต้องถูกสอบสวนลงโทษแต่อย่างใด

บุคคลที่เสียชีวิตหรือสูญหายในเหตุการณ์

ฝ่ายนักศึกษาและประชาชน เสียชีวิตอย่างน้อย 41 ราย ในจำนวนนี้ เป็นศพถูกเผา ระบุรายละเอียดแยกชายหญิงไม่ได้ จำนวน 4 ราย (หนึ่งในนั้น คือ จารุพงษ์ ทองสินธุ์ กรรมการองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (อมธ.) และสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ซึ่งเป็นระดับแกนนำผู้ชุมนุมเพียงคนเดียวที่เสียชีวิต ผู้เสียชีวิตที่เหลือเป็นผู้เข้าร่วมชุมนุมเท่านั้น และแกนนำที่รอดชีวิตส่วนใหญ่ถูกจับรวม 18 คน และนำตัวขึ้นศาลทหารข้อหามีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ ที่โรงเรียนพลตำรวจบางเขนอยู่ 3 ปี จึงได้รับการปล่อยตัวเมื่อมีการรัฐประหารเปลี่ยนแปลงรัฐบาลจากนายธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็น พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ส่วนแกนนำที่รอดจากการถูกจับกุมขึ้นศาลทหารได้ส่วนใหญ่ก็หลบหนีเข้าป่าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยหรือ พคท.)

รายชื่อผู้เสียชีวิต
เป็นศพชายไทยไม่ทราบชื่อ จำนวน 6 ราย และเป็นศพที่ระบุชื่อได้ จำนวน 30 ราย คือ
  • นายพงษ์พันธ์ เพรามธุรส : ถูกระเบิด
  • นายวิชิตชัย อมรกุล : ถูกของแข็งมีคมและถูกรัดคอ
  • นายอับดุลรอเฮง สาตา : ถูกกระสุนปืน
  • นายมนู วิทยาภรณ์ : ถูกกระสุนปืน
  • นายสุรสิทธิ์ สุภาภา : ถูกกระสุนปืน
  • นายสัมพันธ์ เจริญสุข : ถูกกระสุนปืน
  • นายสุวิทย์ ทองประหลาด : ถูกกระสุนปืน
  • นายบุนนาค สมัครสมาน : ถูกกระสุนปืน
  • นายอภิสิทธิ์ ไทยนิยม : ถูกกระสุนปืน
  • นายอนุวัตร อ่างแก้ว : ถูกระเบิด
  • นายวีระพล โอภาสพิไล : ถูกกระสุนปืน
  • นายสุพจน์ พันธุ์กาฬสินธุ์ : ถูกกระสุนปืน
·         นางสาวภรณี จุลละครินทร์ : ถูกกระสุนปืน
·         นายยุทธนา บูรศิริรักษ์ : ถูกกระสุนปืน
·         นายภูมิศักดิ์ ศิระศุภฤกษ์ชัย : ถูกกระสุนปืน
·         นางสาววัชรี เพชรสุ่น : ถูกกระสุนปืน
  • นายดนัยศักดิ์ เอี่ยมคง : ถูกกระสุนปืน
  • นายไพบูลย์ เลาหจีรพันธ์ : ถูกกระสุนปืน
  • นายชัยพร อมรโรจนาวงศ์ : ถูกกระสุนปืน
  • นายอัจฉริยะ ศรีสวาท : ถูกกระสุนปืน
  • นายสงวนพันธุ์ ซุ่นเซ้ง : จมน้ำ
  • นางสาววิมลวรรณ รุ่งทองใบสุรีย์ : ถูกกระสุนปืน
  • นายสมชาย ปิยะสกุลศักดิ์ : ถูกกระสุนปืน
  • นายวิสุทธิ์ พงษ์พานิช : ถูกกระสุนปืน
  • นายสุพล บุญทะพาน : ถูกกระสุนปืน
  • นายศิริพงษ์ มัณตะเสถียร : ถูกกระสุนปืน
  • นายวสันต์ บุญรักษ์ : ถูกกระสุนปืน
  • นายเนาวรัตน์ ศิริรังษี : ถูกกระสุนปืน
  • นายปรีชา แซ่เซีย : ถูกของแข็ง อาวุธหลายชนิด และถูกรัดคอ
  • นางสาวอรุณี ขำบุญเกิด : ถูกกระสุนปืน

7เหตุการณ์ภายหลัง

1.      ดร. ป๋วย อึ๊งภากรณ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องลี้ภัยการเมืองในต่างประเทศ และได้กลับมาในภายหลัง
2.      นายสมัคร สุนทรเวช ผู้จัดรายการสถานีวิทยุยานเกราะ ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาล นายธานินทร์ กรัยวิเชียร (คณะรัฐมนตรีคณะที่ 39 ของไทย) โดยดำรงตำแหน่งระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ถึง 19 ตุลาคม พ.ศ. 2520
3.      ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช อดีตผู้นำเสรีไทยในสหรัฐอเมริกา หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และนายกรัฐมนตรี 4 สมัย ต้องลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคในปี พ.ศ. 2522 และยุติบทบาททางการเมืองไปทั้งหมด
4.      นางวิมล เจียมเจริญ (ทมยันตี) แกนนำชมรมแม่บ้านที่เคลื่อนไหวโจมตีกลุ่มนักศึกษา ได้รับแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกสภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน และต่อมาก็ได้รับตำแหน่ง ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)
5.      ดร. สรรพสิริ วิริยศิริ ผู้อำนวยการช่อง 9 อสมท. ถูกปลดออกจากตำแหน่ง หลังแพร่ภาพเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ต่อสาธารณะ
6.      นายสุรินทร์ มาศดิตถ์ หนึ่งในรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ ต้องยุติบทบาททางการเมืองทั้งหมด และภายหลังเหตุการณ์ได้บวชเป็นพระ และเขียนจดหมายขึ้นมาฉบับหนึ่ง ชี้แจงถึงเหตุการณ์ทั้งหมด
7.      หนังสือพิมพ์ทุกฉบับในประเทศไทย ถูกคำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ห้ามตีพิมพ์เผยแพร่เป็นเวลา 3 วัน (6 - 8 ตุลาคม พ.ศ. 2516) หลังจากนั้นตลอดรัฐบาลธานินทร์ มีการสั่งปิดหนังสือพิมพ์อย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุผล "โจมตีรัฐบาล" ในขณะที่หนังสือพิมพ์ที่ไม่โจมตีรัฐบาล เช่น ไทยรัฐ และ บางกอกโพสต์ สามารถดำเนินกิจการอย่างราบรื่น
© 11 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ปิดหนังสือพิมพ์ ดาวดารายุคสยาม รายวัน
© 10 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ปิดหนังสือพิมพ์รายวันและรายสัปดาห์ ไม่มีกำหนด รวม 13 ฉบับ (ปิดตาย)
© 29 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ปิดหนังสือพิมพ์ ชาวไทย รายวัน 7 วัน ด้วยเหตุผล ลงข่าวเรื่อง ปลัดชลอ วนภูติ โกงอายุราชการ
© 14 มกราคม พ.ศ. 2520 ปิด เสียงปวงชน 3 วัน ด้วยเหตุผล พาดหัวข่าวไม่ตรงกับความจริง
© 18 มกราคม พ.ศ. 2520 ปิด ปฏิญญา รายปักษ์ ไม่มีกำหนดเพราะตีพิมพ์ข้อความอันมีลักษณะโฆษณาชวนเชื่อให้กับฝ่ายคอมมิวนิสต์
© 20 มกราคม พ.ศ. 2520 ปิด แนวหน้าแห่งยุค เดลินิวส์ ด้วยเหตุผล ตีพิมพ์ข้อความที่ทำให้ต่างชาติอาจเข้าใจรัฐบาลไทยผิด 
©มกกราคม พ.ศ. 2520 ปิด เดลิเมล์รายวัน ด้วยเหตุผล ตีพิมพ์โดยไม่ได้รับอนุญาตเนื่องจากใบอนุญาตขาดการต่ออายุไปแล้ว
8.      27 มกราคม พ.ศ. 2520 ปิด ดาวดารายุคสยาม ด้วยเหตุผล ตีพิมพ์ข้อความเป็นเท็จ
9.      15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2520 ปิด บ้านเมือง 7 วัน ด้วยเหตุผล ตีพิมพ์ข้อความที่มีลักษณะกล่าวร้ายเสียดสีรัฐบาลไทย
10.  18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2520 ปิด เด่นสยามรายวัน ไม่มีกำหนด ด้วยเหตุผล วิจารณ์การปิดเดลินิวส์
11.  31 มีนาคม พ.ศ. 2520 ปิด ชาวไทย ไม่มีกำหนด ด้วยเหตุผล เขียนข้อความบิดเบือนความเป็นจริง
12.  10 เมษายน พ.ศ. 2520 ปิด เดลิไทม์ ไม่มีกำหนด
13.  12 เมษายน พ.ศ. 2520 ปิด บางกอกเดลิไทม์ ไม่มีกำหนด
14.  15 พฤษภาคม พ.ศ. 2520 ปิด บูรพาไทม์ ยุคชาวสยาม ไม่มีกำหนด ด้วยเหตุผล กล่าวร้ายรัฐบาล กรณีใช้ ม.21 ประหารชีวิต พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ
15.  25 พฤษภาคม พ.ศ. 2520 ยึดหนังสือ "เลือดล้างเลือด"
16.  2 มิถุนายน พ.ศ. 2520 ปิด สยามรัฐ 7 วัน
17.  2 กรกฎาคม พ.ศ. 2520 ปิด เสียงปวงชน ไม่มีกำหนด
18.  2 กรกฎาคม พ.ศ. 2520 ปิด ยุคใหม่รายวัน ไม่มีกำหนด ที่ราชบุรี
19.  8 สิงหาคม พ.ศ. 2520 ปิด หลังเมืองสมัย ไทยเดลี่ 7 วัน จากการลงบทความ "รัฐบาลแบบไหน"
20.  13 สิงหาคม พ.ศ. 2520 เสียงปวงชน ถูกสั่งปิด จากบทความเรื่อง 'อธิปไตยของชาติ'
21. สมาชิกกลุ่มกระทิงแดง นวพล และตำรวจ ที่เข้าปราบปรามทั้งหมดได้รับการพ้นโทษ จากกฎหมายนิรโทษกรรม
22.  มีการขอพระราชทานอภัยโทษ ให้แก่ นักศึกษาที่ถูกจับกุมในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519
23. ตำรวจ กลุ่มกระทิงแดง ลูกเสือชาวบ้าน และกลุ่มนวพล ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ ได้รับกระเช้าเยี่ยมพระราชทาน
24. แกนนำนักศึกษาบางคนที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ถูกจับกุมคุมขังเป็นเวลา 3 ปีโดยไม่ได้รับการพิจารณาคดี
25. พ.ศ. 2542 จอมพลถนอม กิตติขจร ถูกเสนอชื่อจากกองทัพ ให้เป็น นายทหารพิเศษรักษาพระองค์
26. พ.ศ. 2544 อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ก่อตั้งสำเร็จบนที่ดินเช่าของ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ บริเวณใกล้เคียงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เลขที่ 14/16 ถนนราชดำเนิน ใช้เวลา 27 ปีนับตั้งแต่มีการเสนอให้สร้างใน ปี พ.ศ. 2517



บทสรุป
ชื่อเรียก
1. วันล้อมปราบประชาชน
2. วันฆ่านกพิราบ
3. หกตุลาคมมหาโหด
เวลาที่เกิดเหตุการณ์
วันที่ 6 ตุลาคม 2519
ชนวนของเหตุการณ์
จอมพล ถนอม กิตติขจร เดินทางกลับมาประเทศไทย หลังจากที่หลบหนีออกนอกประเทศเมื่อ 16 ตุลาคม 2516
เหตุการณ์
      ก่อนหน้าเหตุการณ์ 6 ตุลา มีความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างพรรครัฐบาลกับพรรคชาติไทย ส่วนขบวนการนักศึกษาและประชาธิปไตยก็กำลังเบ่งบานและเข้มข้น โดยมีขบวนการมวลชนฝ่ายขวา ใช้ความรุนแรงก่อกวนและสังหารผู้นำนักศึกษาและกรรมกรชาวนา
      จอมพลถนอมบวชเณรเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2519 โดยอ้างว่าจะเข้ามาดูใจบิดา (ก่อนหน้านี้จอมพลประภาสเดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม แต่ถูกต่อต้านจนต้องเดินทางออกนอกประเทศไปอีก) นักศึกษาได้รวมตัวกันประท้วงการกลับเข้ามา ของจอมพลถนอม โดยที่รัฐบาลก็เห็นชอบ นักศึกษาที่จะทำการชุมนุมก็มีสิทธิทำได้ตามรัฐธรรมนูญม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช นายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2519
      ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ การประท้วงขับไล่จอมพลถนอมเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน 2519 ขณะเดียวกันได้มีเหตุการณ์ฆ่าแขวนคอกรรมกรที่ร่วมขับไล่จอมพลถนอมที่นครปฐม นักศึกษาได้จัดแสดง ละครสะท้อนเหตุการณ์ดังกล่าวเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม
      เวลาเช้าของวันที่ 5 ตุลาคม หนังสือพิมพ์ บางกอกโพสต์ และ ดาวสยาม ได้ตีพิมพ์ภาพละครแขวนคอ ของนักศึกษา โดยระบุว่าเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (เนื่องจากบุคคลผู้ถูกแขวนคอในภาพ มีหน้าละม้ายองค์รัชทายาท) มีการชุมนุมกลุ่มพลังฝ่ายขวาทั่วกรุงเทพฯ และ พ.อ.อุทาร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา แห่งชมรมวิทยุเสรี ได้กระจายเสียงปลุกเร้ากลุ่มพลังและนัดหมายเวลาที่จะเคลื่อนกำลัง
      เช้าวันที่ 6 ตุลาคม 2519 กำลังตำรวจและประชาชนในสังกัดกลุ่มพลังฝ่ายขวา ( เช่น กลุ่มนวพล กลุ่มกระทิงแดง) ปิดล้อมและบุกเข้าสลายม็อบในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยใช้วิธีการอันโหดเหี้ยม ผิดมนุษย์ ภาพข่าวการแขวนคอนักศึกษากับต้นมะขามที่สนามหลวง ตอกอก เผาทั้งเป็น และการระดมยิง นักศึกษาที่ไม่มีอาวุธนอกจากปืนพกของหน่วยรักษาความปลอดภัยไม่กี่กระบอกได้แพร่หลายออกไปทั่วโลก
      นักศึกษาและผู้นำกรรมการจำนวนมากหลบหนีการปราบปรามเข้าป่าเพื่อรวมตัวกับพรรค คอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย
ผลจากเหตุการณ์
      ประมาณว่ามีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน นักศึกษา 3,084 คน ถูกจับกุม ผู้นำนักศึกษา 19 คนถูกนำตัวขึ้นศาลทหาร
     รัฐบาลของ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช ถูกปฏิวัติและแทนที่ด้วยคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน แต่งตั้งรัฐบาล หอยที่มี นายธานินทร์   กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรี
ความสำคัญของเหตุการณ์
        คณะปฏิรูปฯ นำประเทศไทยเข้าสู่ระบอบเผด็จการทหารอีกครั้ง ความโหดเหี้ยมของเหตุการณ์ส่งผลกระทบด้านความรู้สึกต่อการเมืองไทย ทั้งในและต่างประเทศ



อ้างอิง
11
     หอสมุดปรีดี พนมยงค์,ห้องสมุด.เหตุการณ์ 6ตุลา. [ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก: http://www.2519.net/autopage/show_all.php?t=9
สืบค้น 24 มกราคม 2554.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น