วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554

กฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับที่ 18


 
ที่มาของกฎหมายฉบับนี้
      สภาร่างรัฐธรรมนูญ ได้วางแนวทางการร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ โดยยึดตามแนวทางและแก้ไขจุดอ่อนของ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540
เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากรัฐธรรมนูญนี้ 4 ประการ คือ
1.              คุ้มครอง ส่งเสริม ขยายสิทธิและเสรีภาพ ของประชาชน
2.              ลดการผูกขาดอำนาจรัฐ และเพิ่มอำนาจประชาชน
3.              การเมืองมีความโปร่งใส มีคุณธรรม และจริยธรรม
4.              ทำให้องค์กรตรวจสอบมีความอิสระ เข้มแข็ง และทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
  สาระสำคัญ
1.              หมวด 6 รัฐสภา (มาตรา 88 – 162)
-  อำนาจนิติบัญญัติ
มาตรา 88 รัฐสภา ประกอบด้วย สส. และ สว. คนๆ หนึ่ง จะเป็นทั้ง สส. และ สว. ในเวลาเดียวกันไม่ได้
มาตรา 89 หัวหน้า สส. เป็นประธานรัฐสภา หัวหน้า สว. เป็นรองประธานรัฐสภา ทำตัวให้ดูเป็นกลางไว้
มาตรา 90 ร่าง พรบ. และกฎหมายทั้งหลายนั้น ต้องผ่าน 1) รัฐสภา 2) ในหลวงทรงลงพระปรมาภิไธย
มาตรา 91 สส. หรือ สว. ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของแต่ละส่วน มีสิทธิ์ยื่นคำร้องให้ถอดถอน สส. สว. ได้
มาตรา 92 สส. หรือ สว. ที่เด้งจากเก้าอี้ก่อนวาระเพราะทำผิด ต้องคืนเงินเดือนกับค่าตอบแทนทั้งหมด
   ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปซึ่งมีขึ้นในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ทางคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ อันประกอบด้วย ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.
และการได้มาซึ่ง ส.ว., ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง และร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประชุมนัดแรกเพื่อเลือกประธาน ผลปรากฏว่ามีการเสนอชื่อ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ สมาชิก สนช. และนายวิษณุ
เครืองาม แต่นายวิษณุขอถอนตัว
   ต่อมาที่ประชุมมีมติให้นายวิษณุ เป็นรองประธาน กมธ.คนที่ 1 นายสุจิต บุญบงการ เป็นรองประธานคนที่ 2 และเป็นประธานอนุ กมธ.พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วย กกต. นายยุวรัตน์ กมลเวชช เป็นรองประธาน คนที่ 3 และเป็นประธานอนุ กมธ.พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. ส่วนนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นรองประธาน คนที่ 4 และเป็นประธานอนุ กมธ.พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง โดยนางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ เป็นเลขานุการ กมธ. นายเจษฎ์ โทณะวณิก เป็นรองเลขาฯ นายประพันธ์ คูณมี นายคำนูณ สิทธิสมาน และนายธงทอง จันทรางศุ เป็นโฆษก กมธ.




-  สภาผู้แทนราษฎร
มาตรา 93 สส. จำนวน 480 คน มาจากการเลือกตั้ง แบบแบ่งเขต 400 คน แบบสัดส่วน 80 คน
มาตรา 94 วิธีการเลือกตั้ง สส. แบบแบ่งเขต
มาตรา 95 วิธีการเลือกตั้ง สส. แบบสัดส่วน
มาตรา 96 การกำหนดเขตเลือกตั้ง สส. แบบแบ่งเขต
มาตรา 97 การจัดทำบัญชีรายชื่อ สส. แบบสัดส่วน
มาตรา 98 การคำนวณอัตราส่วน สส. แบบสัดส่วน
มาตรา 99 คุณสมบัติ ของผู้มีสิทธิ์ออกไปเลือกตั้ง
มาตรา 100 คุณสมบัติต้องห้าม ไม่มีสิทธิ์เลือกตั้ง
มาตรา 101 คุณสมบัติ ของผู้มีสิทธิ์สมัครเป็น สส.
มาตรา 102 คุณสมบัติต้องห้าม ไม่มีสิทธิ์สมัคร สส.
มาตรา 103 รายละเอียด การส่งรายชื่อผู้สมัคร สส.
มาตรา 104 สภามีอายุ 4 ปี เริ่มตั้งแต่วันเลือกตั้ง
      (จะควบรวมพรรคการเมืองที่ยังมีสมาชิกเป็น สส. อยู่ เพื่อขยายอำนาจยึดครองสภา ไม่ได้)
มาตรา 105 สมาชิกภาพ สส. เริ่มตั้งแต่วันเลือกตั้ง
มาตรา 106 เงื่อนไข การเด้งออกจากตำแหน่ง สส.
มาตรา 107 รายละเอียด การกำหนดวันเลือกตั้ง สส.
มาตรา 108 ในหลวง มีอำนาจยุบสภา โดยกระทำได้ครั้งเดียวในเหตุการณ์เดียวกัน
มาตรา 109 เมื่อมี สส. ล้มหายตายจากจนเก้าอี้ว่าง
มาตรา 109 (1) สส. แบบแบ่งเขต ให้เลือกตั้งใหม่ ยกเว้น สภาผู้แทนราษฎรเหลืออายุไม่เกิน 180 วัน
มาตรา 109 (2) สส. แบบสัดส่วน ให้เลือกเอาบุคคลถัดไปในบัญชีรายชื่อขึ้นมาเสียบแทนเก้าอี้ที่ว่างอยู่
มาตรา 110 รายละเอียด การแต่งตั้งผู้นำฝ่ายค้าน
-  วุฒิสภา
มาตรา 111 สว. 150 คน มาจากการเลือกตั้ง จังหวัดละ 1 คน ที่เหลือ มาจากการแต่งตั้ง
มาตรา 112 รายละเอียด การเลือกตั้ง สว. จังหวัด
มาตรา 113 รายละเอียด คณะกรรมการแต่งตั้ง สว.
         (มาตราที่อาจมีปัญหาว่า อำนาจตุลาการจะมาเกี่ยวพันกับอำนาจการเมืองมากน้อยเพียงใด)
มาตรา 114 คุณสมบัติของ สว. ที่ควรแต่งตั้ง
มาตรา 115 คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์สมัคร สว.
มาตรา 116 สว. จะดำรงตำแหน่งทางการเมืองและองค์กรอิสระไม่ได้ ต้องลาออกจาก สว. อย่างน้อย 2 ปี
มาตรา 117 สว. มีอายุ 6 ปี
มาตรา 118 รายละเอียด การกำหนดวันเลือกตั้ง สว.
มาตรา 119 เงื่อนไข การเด้งออกจากตำแหน่ง สว.
มาตรา 120 เมื่อมี สว. ล้มหายตายจากจนเก้าอี้ว่าง ให้สรรหา สว. ใหม่ด้วยกระบวนการเดียวกับข้อบน
..........(ยกเว้น วุฒิสภาเหลืออายุไม่เกิน 180 วัน จะปล่อยเก้าอี้ว่างเพื่อประหยัดงบประมาณก็ได้)
มาตรา 121 ก่อน สว. จะแต่งตั้งให้ใครดำรงตำแหน่งอะไร ต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบประวัติก่อน
2.         หมวดคณะรัฐมนตรี (อำนาจบริหาร)
มาตรา 171 ในหลวง ทรงแต่งตั้ง นายกฯ 1 คน และ รมต. ไม่เกิน 35 คน เป็น ครม.
                 (นายกฯ ไม่สามารถดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกิน 8 ปี ป้องกันการผูกขาดอำนาจ)
มาตรา 172 สภาผู้แทนฯ เสนอชื่อผู้เป็น นายกฯ ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่การประชุมรัฐสภาครั้งแรก
มาตรา 173 ถ้าเสียงแตก ให้ประธานสภานำความกราบบังคมทูลภายใน 15 วัน
                  (เพื่อทรงมีพระบรมราชโองการ แต่งตั้งคนที่ได้คะแนนเสียงสูงสุด)
มาตรา 174 คุณสมบัติ นายกฯ
มาตรา 175 นายกฯ ต้องถวายสัตย์ปฏิญาณ ตามมาตรานี้
มาตรา 176 ครม. ต้องแถลงนโยบายการทำงาน ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันเข้ารับหน้าที่
มาตรา 177 รมต. ต้องเข้าประชุมสภา อย่าเอาแต่โดด
มาตรา 178 รมต. ต้องรับผิดชอบการทำงาน ตามที่ได้แถลงไว้ในมาตรา 176
มาตรา 179 เมื่อเกิดปัญหา ครม. ควรฟัง สส. สว. บ้าง
มาตรา 180 เงื่อนไข ที่ทำให้ ครม. หมดสภาพ
มาตรา 181 ครม. เก่า รักษาการณ์ จนกว่าจะได้ ครม. ใหม่ ระหว่างนี้ ห้ามเซ็นอนุมัติหรือโยกย้ายใคร
มาตรา 182 เงื่อนไข การเด้งออกจากตำแหน่ง รมต.
มาตรา 183 ในหลวง ทรงมีพระราชอำนาจปลด รมต.
มาตรา 184 ในกรณีสำคัญยิ่งยวด ในหลวง ทรงตราพระราชกำหนด ให้ใช้บังคับเช่นเดียวกับ พรบ. ได้
มาตรา 185 เงื่อนไข รายละเอียด การตราพระราชกำหนด
มาตรา 186 พระราชกำหนด เกี่ยวกับภาษี และเงินตรา ต้องได้รับการพิจารณาอย่างเร่งด่วน ห้ามอู้งาน
มาตรา 187 ในหลวง ทรงตราพระราชกฤษฎีกาได้ โดยไม่ขัดต่อกฎหมาย
มาตรา 188 ในหลวง ทรงมีพระราชอำนาจ ประกาศใช้และเลิกใช้ กฎอัยการศึก
มาตรา 189 ในหลวง ทรงมีพระราชอำนาจ ประกาศสงคราม เมื่อรัฐสภาได้เห็นชอบ
มาตรา 190 ในหลวง ทรงมีพระราชอำนาจ ทำหนังสือสัญญาสันติภาพ สงบศึก และอื่นๆ
มาตรา 191 ในหลวง ทรงมีพระราชอำนาจ พระราชทานอภัยโทษ
มาตรา 192 ในหลวง ทรงมีพระราชอำนาจ ถอดถอนฐานันดรศักดิ์ และยึดคืนเครื่องราชฯ
มาตรา 193 ในหลวง ทรงแต่งตั้งและถอดถอน ข้าราชการฝ่ายทหารและพลเรือน ตำแหน่งปลัด อธิบดี
มาตรา 194 ข้าราชการและพนักงานของรัฐ เป็นข้าราชการการเมืองหรือดำรงตำแหน่งการเมือง ไม่ได้
มาตรา 195 กฎหมายอื่น ต้องมี รมต. ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ นอกจากระบุไว้เป็นอย่างอื่น
มาตรา 196 เงินประจำตำแหน่ง บำเหน็จ บำนาญ ผลประโยชน์ตอบแทน กำหนดโดย พระราชกฤษฎีกา
ศาล (อำนาจตุลาการ)
มาตรา 197 ศาลต้องพิจารณาคดีด้วยความยุติธรรม แต่ถ้า นปก. บอกว่าอยากติดคุก "จาจาดห้ายคร้าบ"
          (ผู้พิพากษา ตุลากร จะถูกโยกย้ายโดยพลการไม่ได้ และดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่ได้)
มาตรา 198 จะบัญญัติกฎหมายใหม่ขึ้นมาเพื่อเลือกปฏิบัติ เช่น ใช้เพื่อเล่นงานทักกี้โดยเฉพาะ ไม่ได้
มาตรา 199 ปัญหากระทบกระทั่งระหว่างศาล ให้คณะกรรมการที่กำหนดไว้ในมาตรานี้ เป็นผู้พิจารณา
มาตรา 200 ในหลวง ทรงแต่งตั้งและถอดถอน ผู้พิพากษาและตุลาการ
มาตรา 201 ผู้พิพากษาและตุลากร ต้องถวายสัตย์ปฏิญาณ ตามมาตรานี้
มาตรา 202 เงินเดือนและผลประโยชน์ ของผู้พิพากษาและตุลาการ ไม่เหมือนของข้าราชการพลเรือน
มาตรา 203 ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการของหลายศาลพร้อมกัน ไม่ได้
มาตรา 29 เจ้าหน้าที่หรือสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนในระหว่างทำการตามหน้าที่ ให้ถือว่าเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายลักษณะอาญา
มาตรา 30  ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรักษาการ ตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ วางระเบียบและออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงลงพระปรมาภิไธยในร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย




อ้างอิง
http://keemao.fix.gs/index.php?action=printpage;topic=223.0
http://chubby.exteen.com/20070802/entry
http://www.lawamendment.go.th/moi/ow.asp?ID=389
http://th.wikipedia.org/wiki/รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

1 ความคิดเห็น: