วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554

กฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับที่ 18


 
ที่มาของกฎหมายฉบับนี้
      สภาร่างรัฐธรรมนูญ ได้วางแนวทางการร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ โดยยึดตามแนวทางและแก้ไขจุดอ่อนของ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540
เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากรัฐธรรมนูญนี้ 4 ประการ คือ
1.              คุ้มครอง ส่งเสริม ขยายสิทธิและเสรีภาพ ของประชาชน
2.              ลดการผูกขาดอำนาจรัฐ และเพิ่มอำนาจประชาชน
3.              การเมืองมีความโปร่งใส มีคุณธรรม และจริยธรรม
4.              ทำให้องค์กรตรวจสอบมีความอิสระ เข้มแข็ง และทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
  สาระสำคัญ
1.              หมวด 6 รัฐสภา (มาตรา 88 – 162)
-  อำนาจนิติบัญญัติ
มาตรา 88 รัฐสภา ประกอบด้วย สส. และ สว. คนๆ หนึ่ง จะเป็นทั้ง สส. และ สว. ในเวลาเดียวกันไม่ได้
มาตรา 89 หัวหน้า สส. เป็นประธานรัฐสภา หัวหน้า สว. เป็นรองประธานรัฐสภา ทำตัวให้ดูเป็นกลางไว้
มาตรา 90 ร่าง พรบ. และกฎหมายทั้งหลายนั้น ต้องผ่าน 1) รัฐสภา 2) ในหลวงทรงลงพระปรมาภิไธย
มาตรา 91 สส. หรือ สว. ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของแต่ละส่วน มีสิทธิ์ยื่นคำร้องให้ถอดถอน สส. สว. ได้
มาตรา 92 สส. หรือ สว. ที่เด้งจากเก้าอี้ก่อนวาระเพราะทำผิด ต้องคืนเงินเดือนกับค่าตอบแทนทั้งหมด
   ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปซึ่งมีขึ้นในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ทางคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ อันประกอบด้วย ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.
และการได้มาซึ่ง ส.ว., ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง และร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประชุมนัดแรกเพื่อเลือกประธาน ผลปรากฏว่ามีการเสนอชื่อ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ สมาชิก สนช. และนายวิษณุ
เครืองาม แต่นายวิษณุขอถอนตัว
   ต่อมาที่ประชุมมีมติให้นายวิษณุ เป็นรองประธาน กมธ.คนที่ 1 นายสุจิต บุญบงการ เป็นรองประธานคนที่ 2 และเป็นประธานอนุ กมธ.พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วย กกต. นายยุวรัตน์ กมลเวชช เป็นรองประธาน คนที่ 3 และเป็นประธานอนุ กมธ.พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. ส่วนนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นรองประธาน คนที่ 4 และเป็นประธานอนุ กมธ.พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง โดยนางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ เป็นเลขานุการ กมธ. นายเจษฎ์ โทณะวณิก เป็นรองเลขาฯ นายประพันธ์ คูณมี นายคำนูณ สิทธิสมาน และนายธงทอง จันทรางศุ เป็นโฆษก กมธ.




-  สภาผู้แทนราษฎร
มาตรา 93 สส. จำนวน 480 คน มาจากการเลือกตั้ง แบบแบ่งเขต 400 คน แบบสัดส่วน 80 คน
มาตรา 94 วิธีการเลือกตั้ง สส. แบบแบ่งเขต
มาตรา 95 วิธีการเลือกตั้ง สส. แบบสัดส่วน
มาตรา 96 การกำหนดเขตเลือกตั้ง สส. แบบแบ่งเขต
มาตรา 97 การจัดทำบัญชีรายชื่อ สส. แบบสัดส่วน
มาตรา 98 การคำนวณอัตราส่วน สส. แบบสัดส่วน
มาตรา 99 คุณสมบัติ ของผู้มีสิทธิ์ออกไปเลือกตั้ง
มาตรา 100 คุณสมบัติต้องห้าม ไม่มีสิทธิ์เลือกตั้ง
มาตรา 101 คุณสมบัติ ของผู้มีสิทธิ์สมัครเป็น สส.
มาตรา 102 คุณสมบัติต้องห้าม ไม่มีสิทธิ์สมัคร สส.
มาตรา 103 รายละเอียด การส่งรายชื่อผู้สมัคร สส.
มาตรา 104 สภามีอายุ 4 ปี เริ่มตั้งแต่วันเลือกตั้ง
      (จะควบรวมพรรคการเมืองที่ยังมีสมาชิกเป็น สส. อยู่ เพื่อขยายอำนาจยึดครองสภา ไม่ได้)
มาตรา 105 สมาชิกภาพ สส. เริ่มตั้งแต่วันเลือกตั้ง
มาตรา 106 เงื่อนไข การเด้งออกจากตำแหน่ง สส.
มาตรา 107 รายละเอียด การกำหนดวันเลือกตั้ง สส.
มาตรา 108 ในหลวง มีอำนาจยุบสภา โดยกระทำได้ครั้งเดียวในเหตุการณ์เดียวกัน
มาตรา 109 เมื่อมี สส. ล้มหายตายจากจนเก้าอี้ว่าง
มาตรา 109 (1) สส. แบบแบ่งเขต ให้เลือกตั้งใหม่ ยกเว้น สภาผู้แทนราษฎรเหลืออายุไม่เกิน 180 วัน
มาตรา 109 (2) สส. แบบสัดส่วน ให้เลือกเอาบุคคลถัดไปในบัญชีรายชื่อขึ้นมาเสียบแทนเก้าอี้ที่ว่างอยู่
มาตรา 110 รายละเอียด การแต่งตั้งผู้นำฝ่ายค้าน
-  วุฒิสภา
มาตรา 111 สว. 150 คน มาจากการเลือกตั้ง จังหวัดละ 1 คน ที่เหลือ มาจากการแต่งตั้ง
มาตรา 112 รายละเอียด การเลือกตั้ง สว. จังหวัด
มาตรา 113 รายละเอียด คณะกรรมการแต่งตั้ง สว.
         (มาตราที่อาจมีปัญหาว่า อำนาจตุลาการจะมาเกี่ยวพันกับอำนาจการเมืองมากน้อยเพียงใด)
มาตรา 114 คุณสมบัติของ สว. ที่ควรแต่งตั้ง
มาตรา 115 คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์สมัคร สว.
มาตรา 116 สว. จะดำรงตำแหน่งทางการเมืองและองค์กรอิสระไม่ได้ ต้องลาออกจาก สว. อย่างน้อย 2 ปี
มาตรา 117 สว. มีอายุ 6 ปี
มาตรา 118 รายละเอียด การกำหนดวันเลือกตั้ง สว.
มาตรา 119 เงื่อนไข การเด้งออกจากตำแหน่ง สว.
มาตรา 120 เมื่อมี สว. ล้มหายตายจากจนเก้าอี้ว่าง ให้สรรหา สว. ใหม่ด้วยกระบวนการเดียวกับข้อบน
..........(ยกเว้น วุฒิสภาเหลืออายุไม่เกิน 180 วัน จะปล่อยเก้าอี้ว่างเพื่อประหยัดงบประมาณก็ได้)
มาตรา 121 ก่อน สว. จะแต่งตั้งให้ใครดำรงตำแหน่งอะไร ต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบประวัติก่อน
2.         หมวดคณะรัฐมนตรี (อำนาจบริหาร)
มาตรา 171 ในหลวง ทรงแต่งตั้ง นายกฯ 1 คน และ รมต. ไม่เกิน 35 คน เป็น ครม.
                 (นายกฯ ไม่สามารถดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกิน 8 ปี ป้องกันการผูกขาดอำนาจ)
มาตรา 172 สภาผู้แทนฯ เสนอชื่อผู้เป็น นายกฯ ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่การประชุมรัฐสภาครั้งแรก
มาตรา 173 ถ้าเสียงแตก ให้ประธานสภานำความกราบบังคมทูลภายใน 15 วัน
                  (เพื่อทรงมีพระบรมราชโองการ แต่งตั้งคนที่ได้คะแนนเสียงสูงสุด)
มาตรา 174 คุณสมบัติ นายกฯ
มาตรา 175 นายกฯ ต้องถวายสัตย์ปฏิญาณ ตามมาตรานี้
มาตรา 176 ครม. ต้องแถลงนโยบายการทำงาน ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันเข้ารับหน้าที่
มาตรา 177 รมต. ต้องเข้าประชุมสภา อย่าเอาแต่โดด
มาตรา 178 รมต. ต้องรับผิดชอบการทำงาน ตามที่ได้แถลงไว้ในมาตรา 176
มาตรา 179 เมื่อเกิดปัญหา ครม. ควรฟัง สส. สว. บ้าง
มาตรา 180 เงื่อนไข ที่ทำให้ ครม. หมดสภาพ
มาตรา 181 ครม. เก่า รักษาการณ์ จนกว่าจะได้ ครม. ใหม่ ระหว่างนี้ ห้ามเซ็นอนุมัติหรือโยกย้ายใคร
มาตรา 182 เงื่อนไข การเด้งออกจากตำแหน่ง รมต.
มาตรา 183 ในหลวง ทรงมีพระราชอำนาจปลด รมต.
มาตรา 184 ในกรณีสำคัญยิ่งยวด ในหลวง ทรงตราพระราชกำหนด ให้ใช้บังคับเช่นเดียวกับ พรบ. ได้
มาตรา 185 เงื่อนไข รายละเอียด การตราพระราชกำหนด
มาตรา 186 พระราชกำหนด เกี่ยวกับภาษี และเงินตรา ต้องได้รับการพิจารณาอย่างเร่งด่วน ห้ามอู้งาน
มาตรา 187 ในหลวง ทรงตราพระราชกฤษฎีกาได้ โดยไม่ขัดต่อกฎหมาย
มาตรา 188 ในหลวง ทรงมีพระราชอำนาจ ประกาศใช้และเลิกใช้ กฎอัยการศึก
มาตรา 189 ในหลวง ทรงมีพระราชอำนาจ ประกาศสงคราม เมื่อรัฐสภาได้เห็นชอบ
มาตรา 190 ในหลวง ทรงมีพระราชอำนาจ ทำหนังสือสัญญาสันติภาพ สงบศึก และอื่นๆ
มาตรา 191 ในหลวง ทรงมีพระราชอำนาจ พระราชทานอภัยโทษ
มาตรา 192 ในหลวง ทรงมีพระราชอำนาจ ถอดถอนฐานันดรศักดิ์ และยึดคืนเครื่องราชฯ
มาตรา 193 ในหลวง ทรงแต่งตั้งและถอดถอน ข้าราชการฝ่ายทหารและพลเรือน ตำแหน่งปลัด อธิบดี
มาตรา 194 ข้าราชการและพนักงานของรัฐ เป็นข้าราชการการเมืองหรือดำรงตำแหน่งการเมือง ไม่ได้
มาตรา 195 กฎหมายอื่น ต้องมี รมต. ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ นอกจากระบุไว้เป็นอย่างอื่น
มาตรา 196 เงินประจำตำแหน่ง บำเหน็จ บำนาญ ผลประโยชน์ตอบแทน กำหนดโดย พระราชกฤษฎีกา
ศาล (อำนาจตุลาการ)
มาตรา 197 ศาลต้องพิจารณาคดีด้วยความยุติธรรม แต่ถ้า นปก. บอกว่าอยากติดคุก "จาจาดห้ายคร้าบ"
          (ผู้พิพากษา ตุลากร จะถูกโยกย้ายโดยพลการไม่ได้ และดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่ได้)
มาตรา 198 จะบัญญัติกฎหมายใหม่ขึ้นมาเพื่อเลือกปฏิบัติ เช่น ใช้เพื่อเล่นงานทักกี้โดยเฉพาะ ไม่ได้
มาตรา 199 ปัญหากระทบกระทั่งระหว่างศาล ให้คณะกรรมการที่กำหนดไว้ในมาตรานี้ เป็นผู้พิจารณา
มาตรา 200 ในหลวง ทรงแต่งตั้งและถอดถอน ผู้พิพากษาและตุลาการ
มาตรา 201 ผู้พิพากษาและตุลากร ต้องถวายสัตย์ปฏิญาณ ตามมาตรานี้
มาตรา 202 เงินเดือนและผลประโยชน์ ของผู้พิพากษาและตุลาการ ไม่เหมือนของข้าราชการพลเรือน
มาตรา 203 ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการของหลายศาลพร้อมกัน ไม่ได้
มาตรา 29 เจ้าหน้าที่หรือสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนในระหว่างทำการตามหน้าที่ ให้ถือว่าเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายลักษณะอาญา
มาตรา 30  ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรักษาการ ตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ วางระเบียบและออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงลงพระปรมาภิไธยในร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย




อ้างอิง
http://keemao.fix.gs/index.php?action=printpage;topic=223.0
http://chubby.exteen.com/20070802/entry
http://www.lawamendment.go.th/moi/ow.asp?ID=389
http://th.wikipedia.org/wiki/รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516




          เหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 หรือ วันมหาวิปโยค เป็นเหตุการณ์ที่นักศึกษาและประชาชนในประเทศไทย มากกว่า 5 แสนคน ได้รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องรัฐธรรมนูญจากรัฐบาลเผด็จการ จอมพลถนอม กิตติขจร โดยในเหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิต 77 ราย บาดเจ็บ 857 ราย และสูญหายอีกจำนวนมา

สาเหตุ
     เหตุการณ์เริ่มมาจากการที่จอมพลถนอม กิตติขจร ทำการรัฐประหารตัวเองในวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 โดยนักศึกษาและประชาชนมองว่าเป็นการสืบทอดอำนาจตนเองจากจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งในขณะนั้นจอมพลถนอมจะต้องเกษียณอายุราชการเนื่องจากอายุครบ 60 ปี อีกทั้งจอมพลประภาส จารุเสถียร บุคคลสำคัญในรัฐบาล ก็มิได้รับการยอมรับเหมือนจอมพลถนอม แต่กลับต่ออายุราชการให้ตนเอง ประกอบกับข่าวคราวเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นในวงราชการต่าง ๆ สร้างความไม่พอใจอย่างมากแก่ประชาชน
พ.ศ. 2516
       29 เมษายน พ.ศ. 2516 เฮลิคอปเตอร์ทหารหมายเลข ทบ.6102 เกิดอุบัติเหตุตกที่ อ.บางเลน จ.นครปฐม มีดาราหญิงชื่อดังในขณะนั้นคือ เมตตา รุ่งรัตน์ โดยสารไปด้วย มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 6 คน ในซากเฮลิคอปเตอร์นั้นพบซากสัตว์เป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นซากกระทิง ที่ทางผู้ที่ใช้ล่ามาจากทุ่งใหญ่นเรศวรซึ่งเป็นพื้นที่ป่าสงวน สร้างกระแสไม่พอใจในหมู่นิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และประชาชนทั่วไปเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นปลายเดือนพฤษภาคมและต้นเดือนมิถุนายน นิสิตนักศึกษากลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติฯ 4 มหาวิทยาลัยได้ออกหนังสือชื่อ บันทึกลับจากทุ่งใหญ่ เปิดโปงเกี่ยวกับกรณีนี้ ผลการตอบรับออกมาดีมาก จนขยายผลโดยนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงกลุ่มหนึ่งออกหนังสือชื่อ มหาวิทยาลัยที่ไม่มีคำตอบ เป็นผลให้ ดร.ศักดิ์ ผาสุขนิรันดร์ อธิการบดีสั่งลบชื่อนักศึกษาแกนนำ 9 คนออก ซึ่งทำให้เกิดการประท้วงจนนำไปสู่การชุมนุมในวันที่ 21 และ 22 มิถุนายน ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ท้ายสุด ดร.ศักดิ์ ต้องยอมคืนสถานะนักศึกษาทั้ง 9 คน และดร.ศักดิ์ ก็ได้ลาออกไปเพื่อแสดงความรับผิดชอบ

เริ่มต้นเหตุการณ์

6 ตุลาคม มีบุคคลร่วมลงชื่อ 100 คน เพื่อเรียกร้องขอรัฐธรรมนูญ ซึ่งประกอบด้วยบุคคลหลากหลายอาชีพ หลายวงการ เช่น นักวิชาการ นักการเมือง นักคิด นักเขียน นิสิต นักศึกษา เป็นต้น จากนั้น บุคคลเหล่านี้ราว 20 คน นำโดย นายธีรยุทธ บุญมี ได้เดินแจกใบปลิวเรียกร้องรัฐธรรมนูญตามสถานที่ต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ เช่น ประตูน้ำ, สยามสแควร์, อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยอ้างถึงใจความในพระราชหัตถ์เลขาของรัชกาลที่ 7 ที่ส่งถึงรัฐบาลถึงสาเหตุที่ทรงสละราชสมบัติ แต่ทางตำรวจนครบาลจับได้เพียง 11 คน และจับขังทั้ง 11 คนนี้ไว้ที่โรงเรียนตำรวจนครบาลบางเขนและนำไปขังต่อที่เรือนจำกลางบางเขน พร้อมตั้งข้อหาร้ายแรงว่า เป็นการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ โดยห้ามเยี่ยม ห้ามประกันเด็ดขาด จากนั้นจึงได้มีการประกาศจับ นายก้องเกียรติ คงคา นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง และตามจับ นายไขแสง สุกใส อดีต ส.ส.จ.นครพนม ขึ้นอีก รวมทั้งหมดเป็น 13 คน โดยกล่าวหาว่า นายไขแสงเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการแจกใบปลิวครั้งนี้ ซึ่งบุคคลทั้ง 13 นี้ ได้ถูกเรียกขานว่าเป็น "13 ขบถรัฐธรรมนูญ" ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้สร้างความไม่พอใจให้เกิดขึ้นครั้งใหญ่แก่มวลนักศึกษา และประชาชนอย่างมาก จนนำไปสู่การชุมนุมใหญ่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งในขณะนั้นเป็นช่วงของการสอบกลางภาคด้วย แต่ทางองค์กรนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (อมธ.) ได้ประกาศและติดป้ายขนาดใหญ่ไว้ว่า "งดสอบ" พร้อมทั้งยื่นคำขาดให้ทางรัฐบาลปล่อยตัวทั้งหมดนี้ก่อนเที่ยงวันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม แต่เมื่อถึงเวลาแล้วรัฐบาลก็หาได้ยอมกระทำไม่

 

การจลาจล

การเดินขบวนครั้งใหญ่จึงเริ่มต้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ออกไปตามถนนราชดำเนิน สู่ลานพระบรมรูปทรงม้า โดยมีแกนนำเป็นนักศึกษาและมีประชาชนเข้าร่วมด้วยจำนวนมาก (คาดการกันว่ามีราว 500,000 คน) แกนนำนักศึกษาได้เข้าพบเจรจากับรัฐบาลและบางส่วนได้เข้าเฝ้า ฯ จนได้ข้อยุติเพียงพอที่จะสลายตัว แต่ทว่าด้วยอุปสรรคทางการสื่อสารและมวลชนที่มีอยู่เป็นจำนวนมากไม่อาจควบคุม ดูแลได้หมด ก็นำไปสู่การนองเลือดในเช้าตรู่ของวันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม เมื่อเกิดการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนที่บริเวณหน้าพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ด้านถนนราชวิถีตัดกับถนนพระราม 5 เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมจะสลายตัวกลับทางนั้น แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ยอมให้ผ่าน จึงเกิดการปะทะกันจนกลายเป็นการจลาจล และลุกลามไปยังสนามหลวง, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และถนนราชดำเนิน ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เวลาบ่าย พบเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งบินวนอยู่เหนือเหตุการณ์และมีการยิงปืนลงมาจาก เฮลิคอปเตอร์ลำนั้นเพื่อสลายการชุมนุม โดยผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ยืนยันว่าบุคคลที่ยิงปืนลงมานั้นคือ พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร
ต่อมาในเวลาหัวค่ำ วิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยประกาศว่า จอมพลถนอม ได้ลาออกจากตำแหน่งแล้ว และมีพระบรมราชโองการโปรดแต่งตั้ง นายสัญญา ธรรมศักดิ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงมีพระราชดำรัสแถลงออกโทรทัศน์ด้วยพระองค์เอง แต่ทว่าเหตุการณ์ยังไม่สงบโดยกลุ่มทหารได้เปิดฉากยิงเข้าใส่นักศึกษาและ ประชาชนอีกครั้งหลังจากพระราชดำรัสทางโทรทัศน์เพียงหนึ่งชั่วโมงเมื่อนัก ศึกษาพยายามพุ่งรถบัสที่ไม่มีคนขับเข้าใส่สถานีตำรวจ ที่อนุเสาวรีย์ประชาธิปไตยเนื่องจากผู้ชุมนุมนับพันยังไม่วางใจในสถานการณ์ ได้มีการประกาศท้าทายกฎอัยการศึกใน เวลา 22.00 น. และ ประกาศว่าจะอยู่ที่อนุเสาวรีย์ประชาธิปไตยทั้งคืนเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ถูก หลอกอีกครั้ง ซึ่งในตอนหัวค่ำวันที่ 15 ได้มีประกาศว่า จอมพลถนอม จอมพลประภาส และ พ.อ.ณรงค์ ได้เดินทางออกนอกประเทศแล้ว เหตุการณ์จึงค่อยสงบลง และวันที่ 16 ตุลาคม ผู้ชุมนุมและประชาชนต่างพากันช่วยทำความสะอาดพื้นถนนและสถานที่ต่าง ๆ ที่ได้รับความเสียหาย



หลังเหตุการณ์

     ภายหลังเหตุการณ์นี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ได้เสด็จเยี่ยมผู้ได้รับบาด เจ็บตามโรงพยาบาลต่าง ๆ และสำหรับผู้เสียชีวิตทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการพระราชทานเพลิงศพผู้เสียชีวิตที่ทิศเหนือท้องสนามหลวงด้วย และอัฐินำไปลอยอังคารด้วยเครื่องบินของกองทัพอากาศที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา อ่าวไทย
คณะรัฐมนตรี มีมติให้ก่อสร้าง อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ขึ้นที่ สี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนินกลาง โดยกว่าจะผ่านกระบวนต่าง ๆ และสร้างจนแล้วเสร็จนั้น ต้องใช้เวลาถึง 28 ปี
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ มีการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญประกอบด้วยประชาชนต่าง ๆ จากหลายภาคส่วน โดยไม่มีนักการเมืองร่วมอยู่ด้วยเลย และใช้สนามม้านางเลิ้งเป็นสถานที่ร่าง โดยเรียกกันว่า "สภาสนามม้า" จนนำไปสู่การเลือกตั้งในต้นปี พ.ศ. 2518 ซึ่งในช่วงระยะเวลานั้น มีคำเรียกว่าเป็นยุค "ฟ้าสีทองผ่องอำไพ" แต่ทว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ในประเทศยังไม่สงบ มีการเรียกร้องและเดินขบวนของกลุ่มชนชั้นต่าง ๆ ในสังคม ประกอบกับสถานการณ์ความมั่นคงในประเทศรอบด้าน แม้รัฐบาลชุดใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งก็ไม่มีเสถียรภาพเพียงพอที่จะแก้ไข สถานการณ์ได้ จนนำไปสู่เหตุนองเลือดอีกครั้งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เมื่อปี พ.ศ. 2519 คือ เหตุการณ์ 6 ตุลา     นอกจากนี้แล้วเหตุการณ์ 14 ตุลา นับเป็นการลุกฮือของประชาชน (People's uprising) ครั้งแรกที่ประสบความสำเร็จในยุคศตวรรษที่ 20 และยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับภาคประชาชนในประเทศอื่น ๆ ทำตามในเวลาต่อมา เช่น ที่ เกาหลีใต้ในเหตุการณ์จลาจลที่เมืองกวางจู เป็นต้น   พ.ศ. 2546 สภาผู้แทนราษฎรมีมติเอกฉันท์กำหนดให้วันที่ 14 ตุลาคมของทุกปีเป็น "วันประชาธิปไตย" เป็นวันสำคัญของชาติ ในโอกาสครบรอบเหตุการณ์ 30 ปี
          พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะทรงมีพระราชดำรัส ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เมื่อเวลา 19.30 น.วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม

          สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ขณะทรงมีพระราชดำรัส ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เมื่อเวลา 23.30 น. วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม



บทสรุป
ชื่อเรียก
๑. วันมหาวิปโยค
๒. วันมหาปิติ
๓. การปฏิวัติ ๑๔ ตุลาคม
๔. การปฏิวัติของนักศึกษา
เวลาที่เกิดเหตุการณ์
วันที่ ๑๔๑๖ ตุลาคม ๒๕๑๖
ชนวนของเหตุการณ์
เรียกร้องให้ปล่อยตัว ๑๓ ผู้เรียกร้องรัฐธรรมนูญที่ถูกจับกุมตัวในข้อหากบฏเมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๖
เหตุการณ์
      เหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคมเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากการประท้วงคำสั่งลบชื่อนักศึกษารามคำแหงเก้าคน การประท้วงนี้ยังเสนอให้รัฐบาล ประกาศใช้รัฐธรรมนูญภายในเวลาหกเดือน
      ก่อนหน้านี้ ประเทศไทยมีการปกครองภายใต้รัฐบาลทหารโดยไม่มีรัฐธรรมนูญ ในสมัยของรัฐบาล จอมพล ถนอม กิตติขจรก็มีเหตุการณ์ที่ค่อย ๆ สั่งสมให้ประชาชนเกิดความไม่พอใจรัฐบาล เช่น เมื่อนักการเมืองระดับสูงใช้ยุทโธปกรณ์ลาสัตว์ที่ทุ่งใหญ่ฯ เมื่อเดือนเมษายน ๒๕๑๖ และภาวะข้าวสาร ขาดแคลน ขณะที่บทบาททางการเมืองของนักศึกษาชัดเจนและเข้มแข็งขึ้น หลังจากที่ ประสบความสำเร็จ มาแล้วจาก การเป็นผู้นำสัปดาห์ต่อต้านสินค้าญี่ปุ่นเมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๑๕
      ในวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๑๖ นักศึกษาจัดให้มีการประท้วงในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เพื่อเรียกร้องให้ รัฐบาลปล่อยตัวผู้ถูกจับกุมทั้ง ๑๓ คน มีนักเรียนนิสิตนักศึกษาประชาชนมาร่วมชุมนุมเป็นจำนวนประมาณ ๕ แสนคน
      เที่ยงตรงของวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๑๖ ฝูงชนเคลื่อนตัวออกจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์สู่อนุสาวรีย์ ประชาธิปไตยและลานพระบรมรูปทรงม้า การเจรจาระหว่างนักศึกษากับฝ่ายรัฐบาลดำเนินไปจนถึง เวลาดึกของวันเดียวกัน
      การนองเลือดเริ่มต้นเวลาเช้ามืดของวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ เมื่อตำรวจคอมมานโดบุกเข้าตี นักศึกษาที่กำลังจะแยกย้ายกันกลับบ้านอยู่แล้ว ข่าวการทารุณของตำรวจคอมมานโดแพร่ไปทั่วกรุงเทพฯ
      นักเรียน นิสิตนักศึกษา ประชาชนที่มีแต่ระเบิดขวด ท่อนไม้ และ ก้อนหิน ปะทะกับทหารตำรวจอาวุธ ครบมือ เหตุการณ์ลุกลามไปทั่วบริเวณหน้ากรมลุกลามไปทั่วบริเวณหน้ากรมประชาสัมพันธ์ หน้าวัด ชนะสงคราม สะพานผ่านฟ้าฯ ถนนราชดำเนินกลางและถนนราชดำเนินนอก
      เหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคมสิ้นสุดลงเมื่อจอมพลถนอม กิตติขจร จอมพลประภาส จารุเสถียร และพันเอก ณรงค์ กิตติขจร ( หรือตามที่เรียกกันในขณะนั้นว่าสามทรราชเดินทางออกนอกประเทศไปในที่สุด
ผลจากเหตุการณ์
      ประเทศไทยช่วงหลังเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม เป็นช่วงที่กระแสประชาธิปไตยเบ่งบานที่สุดช่วงหนึ่ง ในประวัติศาสตร์
      มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ ๗๓ คน บาดเจ็บ ๘๕๗ คน
      หลังเหตุการณ์ มีการแต่งตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ร่างรัฐธรรมนูญที่มีความเป็นประชาธิปไตย มากที่สุด และจัดให้มีการเลือกตั้งครั้งใหม่ในเวลาต่อมา
     ปัญหาสังคมที่สั่งสมมาเป็นเวลานานได้ระเบิดออกมาหลังเหตุการณ์ขบวนการนักศึกษาและ กระแสประชาธิปไตย แสดงพละกำลังอย่างชัดเจน มีการสไตรค์ของกรรมการบ่อยครั้ง และเกิดการรวมตัว ของชาวนาและเกษตรกรอย่างกว้างขวางและเป็นระบบทั่วประเทศ
      ตามมาด้วยขบวนการของกลุ่มอำนาจฝ่ายขวาอย่างเช่น กลุ่มนวพลลูกเสือชาวบ้านและกระทิงแดง ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อใช้ความรุนแรงต่อต้านขบวนการนักศึกษาในลักษณะ ขวาพิฆาตซ้าย
ความสำคัญของเหตุการณ์
      เป็นครั้งแรกที่ประชาชนคนไทยได้แสดงพลังประชาชนและประชาธิปไตยซึ่งมีผลใน การเปลี่ยนแปลงทิศทางการเมืองและสังคมอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน



อ้างอิง
-  http://www.reocities.com/thaifreeman/14october/14oct4.html
-  http://www.google.co.th/images?hl=th&biw=1280&bih=497&q=%E0%B9%80%E0%B8%AB%
-  E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%
-  B9%8C14%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%A5%E0%B8%B22516&um=1&ie=UTF-
-  8&source=univ&ei=QzZZTfHgDYiGrAe5u8WPBw&sa=X&oi=image_result_group&c
-  t=title&resnum=3&ved=0CDkQsAQwAg
-  http://th.wikipedia.org/wiki/เหตุการณ์_14_ตุลา